วิจารณ์สนั่น! พ่อเมาทิ้งลูกข้างถนน โชคดีไม่เป็นไร

วิจารณ์สนั่น! พ่อเมาทิ้งลูกข้างถนน โชคดีไม่เป็นไร

ชาวเน็ตออกมาวิพากษ์วิจารณ์ยกใหญ่หลังจากที่พนักงานส่งของพบ พ่อเมาทิ้งลูกข้างถนน ร้องไห้หนัก ล่าสุดเจอพ่อแล้ว และไม่ได้รับบาดเจ็บ กลายเป็นคลิปไวรัลที่หลายคนให้ความสนใจ หลังจากที่ผู้ใช้ TikTok ชื่อ tatam070523 ได้โพสต์คลิปวิดีโอต่อเนื่อง โดยเป็นคลิปของตนที่พบเด็กผู้หญิงอายุ 1 ขวบ อยู่ริมถนนในช่วงเวลากลางคืนเพียงลำพัง ในอาการร้องไห้อย่างหนัก พร้อมเขียนข้อความกำกับว่า #เตือนไว้เป็นอุทาหรณ์ “อย่าทิ้งลูกไว้ลำพัง” โชคดีอาจจะไม่เป็นแบบนี้ทุกครั้ง “ทิ้งลูกไว้ลำพัง…ได้ไง” ฝากไว้ให้คิด #อย่าห่วงแต่แดกเหล้าห่าราก…”

ในคลิปผู้โพสต์ได้มาถามว่า “ลูกมาหาใคร” 

ขณะที่เด็กร้องไห้หนักและไม่ตอบคนโพสต์ ก่อนที่คนโพสต์คลิปและหญิงอีกคนที่มาด้วยจะเข้ามาปลอบ พร้อมถามว่า “ใครเอาเด็กมาทิ้งวะ”

หลังจากที่คลิปดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ออกไปก็มีคนเข้ามาถามต่อเนื่องว่าพบพ่อเด็กแล้วหรือไม่ และตั้งคำถามว่านี่เป็นเรื่องจริงหรือไม่นั้น ก็มีคนเข้ามาตอบแล้วว่าเจอพ่อของเด็กแล้ว

ภายหลังเจ้าของคลิปได้ออกมาอัดคลิปอธิบายเพิ่มเติมว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ประมาณตี 1 กว่า ๆ โดยตนทำบริษัทโลจิสติกส์ ช่วงตี 1 กว่า ๆ ตนและหัวหน้างานที่เป็นผู้หญิงได้รับมอบหมายให้ขับรถไปส่งพนักงานซึ่งเป็นแรงงานด่างด้าว ช่วงขากลับหลังจากส่งพนักงานแล้ว หัวหน้างานซึ่งเป็นผู้หญิงนั่งอยู่เบาะซ้ายสังเกตเห็นเด็กนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ ตนก็เลยถามย้ำว่าใช่แน่หรือเปล่า ดูให้ดี

จากนั้น ตนลดกระจก และมองกระจกข้าง เห็นเป็นเด็กจริง ๆ แต่ก็หวั่นมิจฉาชีพเอาเด็กมาล่อ แต่สุดท้ายก็จึงเลี้ยวรถกลับมาบริเวณต้นไม้ที่เจอเด็ก เจอเด็กนั่งอยู่ และร้องไห้ หัวหน้าก็เลยอุ้มขึ้นรถ พาเด็กไปที่ป้อมยาม รปภ.ของบริษัท จากนั้นมีคนไปแจ้งมูลนิธิว่าเด็กหาย ตนจึงขับไปที่เกิดเหตุอีกรอบ ปรากฏว่าบริเวณนั้นมีห้องแถวซึ่งเป็นบ้านเช่าอยู่ จึงเดินสำรวจใต้ต้นไม้เจอบ้านเช่า และตะโกนถามว่า มีใครทำเด็กหายหรือไม่ ซึ่งมีผู้ชายคนหนึ่งตะโกนตอบว่า “ลูกผมหาย” จึงขับรถพาผู้ชายมาที่ป้อมยามเพื่อเจอลูก

จากการสอบถามพ่อเด็ก ทำให้ทราบว่าเบื้องต้นพบว่าเด็กอยู่กับพ่อซึ่งเลิกกับแม่ โดยพ่อตอนนี้อยู่กับภรรยาใหม่ พ่อก็ยอมรับเมาเหล้า พ่อเด็กก็ร้องไห้และไหว้ขอบคุณที่เจอลูก

บริษัทฯ มุ่งมั่นและพยายามอย่างเต็มที่ในการแก้ไขปัญหาและหาทางออกตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา โดยกระบวนการฟื้นฟูกิจการเป็นเพียงทางออกเดียวที่เหมาะสมที่สุดที่จะแก้ไขปัญหาในครั้งนี้ได้ และจะเป็นประโยชน์สูงสุดแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

หากบริษัทฯ ไม่สามารถเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ บริษัทฯ จะต้องถูกเพิกถอนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจประกันภัย และถูกปิดกิจการในท้ายที่สุด ส่งผลให้สินไหมโควิด หลายหมื่นล้านบาท ต้องตกเป็นภาระแก่กองทุนประกันวินาศภัย อันจะเป็นการซ้ำเติมให้สถานการณ์ทางการเงินของกองทุนประกันวินาศภัยวิกฤติยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ช็อก! ครูตีก้นเด็ก 26 ครั้ง จนก้นลาย เหตุวิ่งเล่นในห้อง

ชาวเน็ตวิจารณ์สนั่น ครูตีก้นเด็ก 26 ครั้ง จนก้นลาย เหตุวิ่งเล่นในห้อง ครูยืนยันไม่ได้ตีแรง แต่ตีเพราะเป็นกฎระเบียบ ตีเพราะหวังดี

จากกรณีที่เพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 5.2 ได้นำภาพนักเรียนถูกครูตีก้น 26 ครั้งจนก้นลาย พร้อมเขียนข้อความกำกับว่า “ร้องเรียนตรวจสอบ ครูโรงเรียนเอกชนตีเด็กจนก้นซ้ำขนาดนี้ได้หรือไม่…ตีพอดี หรือตีเกินไป สาเหตุจากอะไร สื่อสังคมช่วยดูด้วย”

ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พบกับ ผอ.โรงเรียนอนุบาลประภารัตน์ที่เกิดเหตุและหัวหน้าบริหารงานวิชาการโรงเรียนที่กำลังเรียกตัวครูที่ตีนักเรียนมาสอบถามข้อเท็จจริง โดยครูตีก้นเด็ก 26 ครั้ง เผยว่า เรื่องนี้เกิดจากในห้องเรียนมีการกำหนดกฎเกณฑ์กันไว้แล้วว่า ห้ามเด็กนักเรียนวิ่งเล่นกันในห้องเรียน ถ้าใครวิ่งเล่นจะถูกลงโทษตี 1 ครั้ง แต่ในกรณีของเด็กชายดังกล่าว ตนเองเรียกมาลงโทษแล้วน้องวิ่งหนี ตนเองจึงนับเพิ่มบทลงโทษไปเรื่อยๆ แต่น้องก็ยังไม่มาอีก จนถึงครั้งที่ 26 น้องก็มา ตนเองจึงได้ทำการตีตามจำนวนครั้งที่คาดโทษไว้

ยืนยันไม่ได้ตีแรง แต่ตีเพราะให้เป็นไปตามกฎระเบียบที่ได้ตกลงกันไว้ เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างกับนักเรียนคนอื่น พร้อมถามสังคมว่าถ้าครูไม่ลงโทษนักเรียนที่ทำผิดระเบียบแล้ว จะสอนให้นักเรียนเป็นคนดีมีวินัยได้อย่างไรกัน พร้อมขอโทษผู้ปกครอง ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร เพียงแต่ที่ทำไปเพราะความหวังดี อยากให้นักเรียนเป็นคนดีเท่านั้นเอง

ขณะที่ด้านหัวหน้างานวิชาการโรงเรียนเผยว่า ทางโรงเรียนได้เรียกครูประจำชั้นที่ก่อเหตุมาสอบถามแล้ว ซึ่งครูเล่าว่า ในห้องมีกฎเกณฑ์ว่าห้ามเด็กนักเรียนวิ่งเล่นในห้องเรียน ตอนแรกตั้งใจจะใช้ไม้มาแตะที่ก้นนักเรียนเบาๆ แต่ครูใช้ไม้ตีไปจำนวน 26 ครั้ง จนเป็นรอยช้ำ ซึ่งทางโรงเรียนก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็จะต้องรีบแก้ไข

เบื้องต้นจะได้เตรียมลงโทษครูคนดังกล่าวตามระเบียบ พร้อมกับจะเร่งติดต่อผู้ปกครองของนักเรียน เพื่อที่จะให้การช่วยเหลือเยียวยาต่อไป และขอโทษผู้ปกครองนักเรียนที่ถูกตีด้วย เพราะผู้ปกครองก็คงรู้สึกไม่ดี ที่อุตส่าห์ส่งบุตรหลานมาเรียนแล้วเจอเหตุการณ์เช่นนี้ โดยทางโรงเรียนขอให้คำมั่นว่าหลังจากนี้ไป จะไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป