กองทัพเรือออกโรงขอโทษกรณี โตเกียวห่อประวัติคนไข้ ยอมรับว่าหลุดจริง คาดอาจจะรั่วตอนรอส่งทำลาย สั่งรัดกุมไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ จากกรณี โตเกียวห่อประวัติคนไข้ หรือที่หญิงคนหนึ่ง ตนได้ซื้อขนมโตเกียวมาและพบว่า ห่อกระดาษทำจากประวัติคนไข้ และมีข้อมูลส่วนตัวชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นชื่อนามสกุล หมายเลขบัตรประจำชาชน โทรศัพท์ หมู่เลือด โรคประจำตัว สิทธิการรักษา ช่วงเวลาการเข้ารักษา อาการที่เข้ารักษา ที่อยู่ ครบถ้วน ดังที่รายงานไปก่อนหน้านี้
ล่าสุด พล.ร.ท. ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ
กล่าวถึงกรณีพบขนมโตเกียวห่อด้วยประวัติคนไข้ว่า ทางกองทัพได้ตรวจสอบกับทาง โรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ได้รับคำชี้แจงว่า โดยปกติเวชระเบียนผู้ป่วยนอกจะถูกบันทึกผ่านทางระบบเวชระเบียนอิเล็กทรอนิกส์ แต่อย่างไรก็ตามมีเวชระเบียนบางส่วนที่แพทย์ยังจำเป็นต้องบันทึกลงในกระดาษ
ในส่วนของเวชระเบียนส่วนที่บันทึกลงกระดาษ จะถูกจัดเก็บที่แผนกเวชระเบียนและห้องใต้ดินที่เตรียมไว้รองรับการจัดเก็บพร้อมระบบรักษาความปลอดภัย แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเวชระเบียนกลุ่มดังกล่าวสะสมจำนวนมากขึ้น จะถูกส่งต่อไปยังจุดพักรอนอกอาคารโรงพยาบาลเพื่อเผาทำลาย ซึ่งจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจเป็นเหตุมาจากระบบการจำกัดการเข้าถึงที่ไม่รัดกุมเพียงพอบริเวณจุดพักรอทำลาย ส่งผลให้เวชระเบียนบางส่วนถูกนำออกไปนอกโรงพยาบาลโดยบุคคลภายนอก โดยในขณะนี้ผู้บริหารของโรงพยาบาลกำลังสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง เพื่อดำเนินการแก้ไขป้องกัน และได้แจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2565
ทั้งนี้ทางกองทัพเรือได้ขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และกำชับทุกโรงพยาบาลของกองทัพเรือ ให้กำหนดมาตรการเข้มงวดและเพิ่มความรัดกุมเพื่อไมให้เกิดเหตุข้อมูลผู้ป่วยรั่วอีก
ครม. ไฟเขียว ปลดโควิดออกจากโรคต้องห้ามของคนต่างด้าวเข้าไทย
ไฟเขียว! ปลดโรคโควิด คนต่างด้าว ตามกฎกระทรวงกำหนดโรคต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าวฯ พ.ศ. 2563 หลังประชุมครม. อนุมัติถอดโรคโควิดออกเรียบร้อยแล้ว หลังประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) ประจำวันที่ 20 กันยายน 2565 รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัชดา ธนาดิเรก ได้เผยรายละเอียดว่า ครม. เห็นชอบให้ปลดโรคโควิดออกจากโรคต้องห้ามของชาวต่างด้าว ตามร่างกฎกระทรวงกำหนดโรคต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักร หรือเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร เห็นชอบให้ปลดโรคโควิดออกจากโรคต้องห้าม
คณะรัฐมนตรี อนุมัติให้มีการแก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎกระทรวงกำหนดโรคต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าวฯ พ.ศ. 2563 ในเรื่องการยกเลิกโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด (COVID-19) ถอดออกจากการเป็นโรคต้องห้ามที่กำหนดไว้ในร่างกฎกระทรวงสำหรับคนต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักรตามมาตรา 12 (4) หรือเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักรตามมาตรา 44 (2) แห่งพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522
ทั้งนี้ โรคต้องห้ามประเภทอื่น คณะรัฐมนตรียังคงกำหนดไว้ตามกฎกระทรวงเดิม ซึ่งมีทั้งหมด 2 ประเภท ได้แก่
โรคต้องห้ามตามมาตรา 12 (4) สำหรับคนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักร
สำหรับโรคต้องห้ามชนิดอื่นที่ไม่ใช่โรคโควิดจะถูกกำหนดให้ห้ามเข้ามาทำงานในประเทศไทย มีทั้งหมด 5 โรคต้องห้าม ดังนี้
โรคเรื้อน
วัณโรคในระยะอันตราย
โรคเท้าช้างในระยะที่ปรากฎอาการเป็นที่น่ารังเกียจแก่สังคม
โรคยาเสพติดให้โทษ
โรคซิฟิลิสในระยะที่ 3
โรคต้องห้ามตามมาตรา 44 (2) สำหรับคนต่างด้าวเข้ามามีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร
ส่วนโรคต้องห้ามนอกเหนือจากโรคโควิดที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้คนต่างด้าวเข้ามามีถิ่นฐานในประเทศไทย มีทั้งหมด 6 โรค ดังนี้
โรคเรื้อน
วัณโรคในระยะอันตราย
โรคเท้าช้าง
โรคยาเสพติดให้โทษ
โรคพิษสุราเรื้อรัง
โรคซิฟิลิสในระยะที่ 3
ทั้งนี้ กำหนดการปลดโรคโควิดออกจากโรคต้องห้ามสำหรับคนต่างด้าวที่เข้ามาทำงาน หรือมีถิ่นฐานในประเทศไทย จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดไปหลังจากที่มีประกาศบนราชกิจจานุเบกษา.
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป