เพจเฟซบุ๊กตำรวจแนะนำวิธีแก้ปัญหาแก๊งคอลเซนเตอร์แบบ “โคตรจะง่าย” นั่นก็คือ วางสาย ทำเอาชาวเน็ตถึงกับตั้งคำถามเพียบ เพจเฟซบุ๊ก PCT Police ซึ่งเป็นเพจของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เน้นให้ความรู้เกี่ยวกับโจรออนไลน์ ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความ ว่าด้วยเรื่องของแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ที่ทุกวันนี้ยังคงระบาดไม่หยุด แม้ว่าทางเจ้าหน้าที่จะหาทางรับมือขนาดไหนก็ตาม
โดยเพจ PCT Police ได้แนะนำวิธีป้องกันแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์สุดง่าย ก็คือ “วางสาย” ทำเอาชาวเน็ตถึงกับมึนตึ้บเลยทีเดียว
ข้อความเฟซบุ๊กระบุว่า “วิธีรับมือแก๊งค์คอลเซนเตอร์ ที่แสนโคตรจะง่าย นั้นก็คือ “การวางสาย‼” ถ้ามีเบอร์แปลก เบอร์ที่ไม่รู้จักโทรเข้ามา อ้างตัวเองเป็นเจ้าหน้าที่ว่าทำเรากระทำความผิดอย่างโน้นบ้าง อย่างนี้บ้าง ให้ตัดสายทิ้งบล็อคเบอร์ดังกล่าวนั้นไปเลย ไม่ต้องสนทนาหรือเสียเวลากับแก็งค์มิจฉาชีพพวกนี้ ไม่ต้องคุย ไม่ต้องฟังจนอาจเกิดความสับสน ตรงเป้าตรงจุด ไม่ตกเป็นเหยื่อแน่นอน”
หลังจากโพสต์นี้ได้รับการเผยแพร่ออกไป ก็ทำให้ชาวเน็ตเข้ามาแสดงความเห็นกันเป็นอย่างมาก โดยส่วนใหญ่จะแสดงความเห็นแนวประชดประชันว่าเป็นความเห็นที่มีประโยชน์สุดๆ และสามารถช่วยแก้ปัญหาได้จริง ขณะที่อีกบางส่วนตั้งคำถามถึงการหามาตรการในระยะยาว หรือ การแก้ปัญหาจริงๆเสียที
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย สอบสวนกลาง (CIB) จับกุม เบล 1000 กระบอก หัวหน้า ขบวนการค้าอาวุธปืนข้ามชาติ พร้อมผู้ร่วมขบวนการ รวม 16 คน ตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ให้จับกุมกลุ่มผู้ลักลอบจำหน่ายอาวุธปืน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของต้นเหตุการก่ออาชญากรรม ที่สร้างความสูญเสียต่อประชาชนในสังคม
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. พร้อมเจ้าหน้าที่สอบสวนกลาง (CIB) จึงจับกุม นายดนุพล หรือ เบล แสมสาร อดีตผู้ใหญ่บ้าน จ.ชลบุรี จากการสืบสวน พบว่านายดนุพลฯ เป็นตัวการสำคัญ ในการลักลอบส่งออกอาวุธปืน โดยมีการวิ่งเต้นให้ผลประโยชน์ กับเจ้าหน้าที่ เพื่อออกใบ ป.3 ในพื้นที่ จ.ชลบุรี และ จ.กาญจนบุรี โดยมีชาวบ้าน ถูกนำเอกสารส่วนบุคคลไปสวมสิทธิ ในการขอซื้ออาวุธปืน
จากนั้นจะนำปืนดังกล่าว ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน โดยพบว่ามีการซื้อปืนไปแล้ว 2 พันกระบอก มีเงินหมุนเวียน 150 ล้านบาท
สามารถจับผู้ร่วมขบวนการ จำนวน 4 กลุ่ม
1. กลุ่มนายทุน
2. กลุ่มหาคนทำใบ ป.3 และขนส่งอาวุธ
3. กลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ
4. กลุ่มร้านปืน
จับกุมรวม 16 คน
ทั้งนี้ อาวุธปืนดังกล่าว จะถูกนำเข้าสู่วงจรอาชญากรรมต่างๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ สร้างความเสียหายด้านชีวิต ทรัพย์สิน แก่สังคมเป็นอย่างมาก
คลิปคู่รัก OnlyFans สยิวกลางรีสอร์ตวังน้ำเขียว หลุดว่อนเน็ต เร่งหามือถ่ายคลิป
วังน้ำเขียวเสียว ต้นตอ คลิปสยิว คู่รัก OnlyFans กลางรีสอร์ตวังน้ำเขียว ถูกเซฟมาปล่อยต่อ ว่อนเน็ต สภ.วังน้ำเขียว สั่งสืบสวนหาที่มาของคลิปและสถานที่เกิดเหตุแล้ว เรื่องราวซึ่งกำลังเป็นประเด็นร้อน โดยเฉพาะบนโลกออนไลน์ของพี่น้องชาวโคราช เมื่อเกิดกรณี ผู้ใช้บัญชีโซเชียลนำคลิปโป๊มาเผยแพร่ทางไลน์ โดยเป็นคลิปที่แชร์ออกไป จำนวน 3 คลิป ความยาวคลิปละประมาณ 4 นาที
ต้นคลิประบุข้อความว่า “วังน้ำเขียวเสียว..” และในคลิปเป็นภาพชายหญิงคู่หนึ่งกำลังมีเพศสัมพันธ์กันในห้องพัก คาดว่าเป็นรีสอร์ตแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา
ต่อมามีการสืบทราบว่าคลิปที่ถูกส่งต่อกันนี้ มีจุดเริ่มจากการเผยแพร่ใน แพลตฟอร์มดังอย่าง OnlyFans ที่คอนเทนต์ครีเอเตอร์ไทยปัจจุบัน นิยมทำเป็นคลิปโป๊ถ่ายในสถานทีท่องเที่ยวดัง ๆ แล้วเผยแพร่ลงแพลตฟอร์มดังกล่าว เก็บเงินค่าสมาชิกเข้าชม
แต่ปรากฏว่าคลิปได้หลุดออกมาภายนอก คาดว่าเกิดจากการเซฟของสมาชิกในกลุ่มดังกล่าว แล้วนำมาอัปโหลดต่อบนเว็บโป๊ต่าง ๆ จนว่อนเป็นประเด็นทั่วโลกโซเชียล โดยเฉพาะทวิตเตอร์ เบื้องต้น มีรายงานว่า ตำรวจ สภ. วังน้ำเขียวทราบเรื่องแล้ว และกำลังประสานงานเพื่อสืบหาที่มา และผู้ถ่ายทำคลิปโป๊ดังกล่าวต่อไป
ดังนั้น การออกหมายจับครั้งนี้จึงหาใช่อำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยแท้ หากแต่เป็นกรณีที่ศาลใช้อำนาจในการออกหมายจับ (ในทางปฏิบัติแล้ว ศาลเองก็ได้มีการสอบถามทางเจ้าหน้าที่พร้อมพิเคราะห์ข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงจึงได้ออกหมายจับไป) ซึ่งเมื่อ “หมายจับ” เป็นผลมาจากการใช้อำนาจตุลาการในขั้นสุดท้าย คณะกรรมาธิการจึงถูกจำกัดอำนาจไม่อาจก้าวล่วงเข้าไปพิจารณาใดๆ ได้ ทั้งนี้เป็นไปตามหลักการแบ่งแยกอำนาจ (Separation of Powers) และ “หลักเขตแดนขององค์กรตุลาการที่ฝ่ายนิติบัญญัติไม่อาจก้าวล่วงได้” (sub judice) (ข้อเท็จจริงจะเปลี่ยนไปหากเรื่องนี้ยังไม่ไปถึงศาล)
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป